ปัจจัยในการทำงาน/ทักษะ/เคล็ดลับ/ความสำเร็จในการทำงาน

ปัจจัยในการทำงาน/ทักษะ/เคล็ดลับ/ความสำเร็จในการทำงาน


3 ปัจจัย ให้ได้งาน

          ช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมานี้ เราคงจะรู้สึกว่ารถมันติดมากผิดปกติ สาเหตุหนึ่งก็มาจากเรามี บัณฑิตจบใหม่เข้ารับปริญญาบัตรกันแทบทุกสถาบันต่อเนื่องหลายวัน เป็นเรื่องน่ายินดีที่ประเทศไทยจะได้คนรุ่นใหม่มาเป็นกำลังช่วยพัฒนาบ้านเมืองเพิ่มขึ้น ซึ่งในความน่ายินดีนี้คุณรู้ไหมว่าปีหนึ่งๆ มีเด็กจบออกมากว่าสองแสนคนแต่จะมีคนที่ได้งานทำทันทีประมาณห้าหมื่นคน นั่นเท่ากับทุกสี่คนจะมีคนต้องรองานถึงสามคนถ้าเราเป็นเด็กจบใหม่เราอยากให้ตัวเองเป็นหนึ่งคนที่ได้งานหรืออยู่ในสามคนที่ไม่ได้งานทันทีที่จบ ฉบับนี้เราขอเสนอ 3 ปัจจัยที่มีส่วนทำให้เราได้งานมากขึ้น พูดอีกแบบคือถ้าใครมี 3 ปัจจัยนี้แล้ว ก็จะช่วยให้เป็นแต้มต่อข้อได้เปรียบในการหางานนั่นเองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

Internship 
          นักศึกษาทุกคนต้องผ่านวิชาการฝึกงานมาแล้วทั้งนั้น แล้วถามว่ามันจะสร้างความได้เปรียบได้ยังไงในเมื่อทุกคนก็เคยฝึกงาน ขอบอกว่าต่างมากเลยล่ะ เพราะอะไร ก็เพราะว่าการฝึกงานก็เสมือนการที่เราได้มีโอกาสแสดงฝีมือให้รุ่นพี่มืออาชีพเขาได้เห็นกับตาตัวเอง ใครทำงานได้ดีแค่ไหน ใครเก่ง ใครขยัน ใครอดทน ใครสู้งาน ใครเป็นยังไงพี่ๆ เขาดูออกได้ไม่ยาก ซึ่งจะทำให้เขาเล็งเห็นถึงความสามารถในตัวเราถ้าเราทำให้เขาประทับใจได้ในขณะที่ฝึกงาน เมื่อใดที่เราเรียนจบ ก็เหมือนคนเคยรู้จักกันมาก่อน เคยเห็นฝีไม้ลายมือกันมาบ้างแล้ว สิ่งนี้ก็จะกลายมาเป็นแต้มต่อให้เขาเลือกเราเข้าทำงานจริงได้ ถ้าเด็กคนไหนรู้จักใช้การฝึกงานเป็นเวทีโชว์ฝีมืออย่างเต็มที่ เมื่อฝึกงานเสร็จ คุณอาจจะได้ยิน คำพูดทำนองว่า "น้องเรียนจบเมื่อไหร่ก็กลับมาหาพี่อีกทีนะ" และนี่ก็คือแต้มต่อที่คุณมีมากกว่าเด็กคนอื่นแล้วนั่นเอง

Network 
          เราเรียกมันว่า สายสัมพันธ์ สิ่งนี้ก็สำคัญมันเกิดขึ้นได้จากการสร้างและสะสม ซึ่งมีอยู่สองวิธีคือ คุณสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง เช่น การขอเข้าไปฝึกงานอย่างที่บอกไปข้อแรก คุณก็จะได้พาตัวเองไปเจอกับพี่ๆ ในบริษัทนั้นๆ ซึ่งถือเป็นประตูบานแรกสุดที่จะทำให้คุณได้รู้จักคนมากขึ้น วิธีที่สองก็คือเมื่อคุณเข้าไปฝึกงานหรือทำงานที่ไหนสักแห่ง คุณก็ต้องพบเจอกับคนนอกบริษัทที่อยู่ในสายธุรกิจในวงการเดียวกันด้วยแน่นอน อาจจะมาจากการที่พี่เขาให้คุณช่วยติดต่อประสานงานกับคนนอกบริษัทหรือการที่คนภายนอกเข้ามาติดต่อทำงานร่วมกับบริษัทที่คุณฝึกงานอยู่ ถ้าคุณฉลาดพอที่จะทำความรู้จักเก็บเกี่ยวและสะสมคนรู้จักไปเรื่อยๆ คุณก็จะมีพี่ๆ ที่สามารถพูดคุยปรึกษาเรื่องการทำงานได้มากขึ้น ยิ่งคุณรู้จักคนมากเท่าไหร่ โอกาสในการมีงานทำก็มากขึ้นเท่านั้น ถ้าคนในบริษัทที่เราไปฝึกงานเขาไม่ถูกใจเรา ก็อาจจะมีคนอื่นนอกบริษัทที่เขาสนใจในตัวคุณก็ได้ การรู้จักคนมากๆ ยังไงก็ได้เปรียบ ลองคิดดูว่ามีคนรู้จัก 10 คนกับมี 100 คน ลู่ทางไหนจะมากกว่ากัน

Passion 
          อยากจะบอกว่าเรื่องนี้สำคัญที่สุดก็ว่าได้ เพราะถ้าคุณมีแรงปรารถนาในสิ่งที่คุณทำมากๆ รัศมีความสนใจใฝ่รู้มันจะแผ่ขยายออกไปรอบๆ ตัวคุณจนคนอื่นเขารับรู้ได้เอง เวลาคุณไปทำงาน พี่ๆ เขาก็จะรู้สึกว่าน้องคนนี้มีความกระตือรือร้น เวลาสัมภาษณ์งานพี่เขาก็มองเห็นแววตาที่เปร่งประกายบ่งบอกให้เห็นความอยากทำงานด้วยความจริงใจ ใครมีความปรารถนาแรงกล้ามาก ก็จะได้เปรียบเด็กคนอื่นที่ไม่รู้ว่าอยากทำอะไร ไปฝึกงานก็ทำไปงั้นๆ ไม่สนใจไม่ขวนขวายมาทำ แค่ขอผ่านวิชานี้เท่านั้น เวลาสัมภาษณ์งานก็ไม่มีอะไรแสดงให้พี่เขาเห็นว่าน้องมีความทะยานอยากได้งานนี้จริงๆ พี่เขาก็ไปเลือกคนอื่นดีกว่า สุดท้ายขนาดตัวเราเองยังไม่มีความสนใจ แล้วใครจะมาสนใจในตัวเราได้ล่ะ

          ทั้ง 3 ปัจจัยนี้ ถ้าเด็กคนไหนเริ่มตั้งแต่ตอนเรียนตอนฝึกงานทำงานอย่างเต็มที่ แสดงฝีมือให้เป็นที่ประทับใจของพี่ๆ ในวงการ จนเรียนจบสมัครงานและได้สัมภาษณ์งานจริง การได้งานก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากของชีวิต เพราะชีวิตมีอะไรยากๆ รอเราอยู่ในการทำงานจริงอีกเยอะ





7 ขั้นสู่ความสำเร็จในการทำงาน

1.ค้นให้พบเป้าหมายของชีวิต 
คุณต้องค้นให้พบว่า งานแบบไหนที่คุณต้องการจริงๆ โยการหาเวลาคุยกับตัวเองบ่อย ๆ ว่างานที่คุณทำสามารถทำให้คุณเป็นอย่างที่อยากเป็นหรือไม่ และจะทำอย่างไรเพื่อจะไปให้ถึงจุดนั้นได้

2.สนุกสนานกับงานที่ทำ 
เมื่อค้นพบแล้วคราวนี้ก็มาสนุกกับงานที่ทำให้เต็มที่ เพราะเมื่อไรก็ตามที่คุณทำงานด้วยความสนุก คุณก็จะมีแรงกระตุ้นให้ทำงานนั้น ๆ ให้ดีที่สุด และประสบความสำเร็จให้ได้

3.มุ่งมั่น + เชื่อมั่น 
เพื่อความสำเร็จ อย่าลืมใส่ความมุ่งมั่นลงไปในงานที่ทำด้วยนะคะ เพราะเมื่อไรก็ตามที่คุณมุ่งมั่นทำงานด้วยความขยันหมั่นเพียร ผนวกกับความเชื่อมั่นในตัวเอง และกล้าที่จะคิด และทำในสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่นได้ รับรองได้เลยค่ะว่าผลลัพธ์ คือ ความสำเร็จแน่นอน

4.คิดสร้างสรรค์ 
ผู้ที่ประสบกับความสำเร็จมักจะเริ่มต้นด้วยการเป็นผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์และถ้าคุณเป็นนักคิดที่มีคุณภาพแล้วล่ะก็ คุณจะเป็นที่ต้องการของทุกองค์กรอย่างแน่นอนที่สุด อย่าเพิ่งหยุดคิดนะคะ แม้วันนี้จะยังไม่ใช่ แต่สักวันมันต้องเวิร์กแน่ๆ

5.ปรับตัวเร็ว 
เชื่อว่าทุกคนต้องเคยเผชิญกับปัญหาการอยู่ร่วมกับเพื่อนร่วมงานจนกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางความสุขในการทำงานอยู่ในขณะนี้ สิ่งที่ต้องทำคือ ปรับตัวค่ะ คุณจะต้องลดหรือเพิ่มพฤติกรรมบางอย่างของคุณเพื่อให้เข้ากับสังคมในที่ทำงานให้ได้เร็วที่สุดค่ะ

6.คิดบวก 
อย่านำผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ มาบั่นทอดพลังในการทำงานนะคะ หมั่นคิดหมั่นแสดงท่าทีให้เป็นบวกเข้าไว้ อย่าย่อท้อต่ออุปสรรคยิ้มเข้าไว้ แล้วคุณจะกลายเป็นที่รัก และชื่นชมของเพื่อนๆ ได้ไม่ยากค่ะ

7.ซื่อสัตย์ + ชอบช่วยเหลือผู้อื่น 
รับผิดชอบต่อหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และช่วยเหลือผู้อื่นทุกครั้งที่มีโอกาสเพราะคนดีและมีน้ำใจอย่างคุณนี่แหล่ะที่ทุกองค์กรปรารถนา จะทำอะไรก็มีคนคอยสนับสนุน และผลักดันให้เจริญก้าวหน้า

 ทักษะที่สำคัญของคนทำงานรุ่นใหม่

 ทักษะที่สำคัญของคนทำงานรุ่นใหม่

1.ทักษะด้านคอมพิวเตอร์
โปรแกรมพื้นฐานที่ต้องใช้ภายในสำนักงาน MS Office เช่น Word, Excel, Power Point หรือโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่ทำ เช่น พนักงานบัญชีควรมีทักษะด้าน โปรแกรม SPSS , Express เป็นต้น รวมไปถึงการโต้ตอบ รับ - ส่ง Email การใช้ Internet ในการหาข้อมูล

2.ทักษะด้านภาษาต่างประเทศ
ถ้าเราสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว มักจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ ยิ่งถ้าหากเราสามารถพูดภาษาอื่น ๆ ได้อีกด้วย ก็ยิ่งจะเป็นที่น่าสนใจ ปัจจุบันนี้ มีบริษัทต่างชาติเข้ามาเปิดสาขาในเมืองไทยเยอะ ภาษาอังกฤษ แน่นอนว่ามีความสำคัญ แต่ถ้ายิ่งสามารถพูดภาษาของเจ้าของบริษัทได้อีกด้วยแล้วยิ่งดีใหญ่ อย่างเช่น ภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน ภาษาเยอรมัน เป็นต้น และหากมีความสามารถทั้ง ฟัง พูด อ่าน เขียน ก็จะดีมากทีเดียว

3.ทักษะในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
งานหลาย ๆ อย่าง ที่เราต้องทำกันอยู่ทุกวัน แม้บางงานจะเรียกว่าเป็นงานประจำ แต่ในรายละเอียดนั้น เรามักจะต้องเจอกับปัญหานานาชนิดไม่เว้นแต่ละวัน ไหนจะปัญหากับเพื่อร่วมงาน ปัญหากับลูกค้า ดังนั้น เราควรจะฝึกฝนทักษะในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ใช่ว่าเจอเรื่องเล็กเรื่องน้อย ก็ฟ้องผู้จัดการ หรือปัดปัญหาไปให้คนอื่นเสียหมด

4.ทักษะการดูแลแก้ไขอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงานที่เราใช้อยู่เป็นประจำ
คงปฏิเสธไม่ได้ ในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศแบบนี้ อุปกรณ์ไฮเทค เข้ามาอยู่ในสำนักงานกันเต็มไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอมพิวเตอร์ ดังนั้น เราควรจะมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาง่าย ที่อาจเกิดขึ้นบ่อย ๆ ระหว่างที่เราใช้อุปกรณ์สำนักงาน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์แฮงค์ การลงโปรแกรม หรือแม้กระทั่งเครื่องถ่ายเอกสาร ที่ใช้เป็นประจำ กระดาษหมด กระดาษติด สามารถจัดการได้ โทรศัพท์มือถือที่ใช้งานอยู่ เกิดปัญหาเครือข่าย หรือฟังก์ชั่นการทำงานบางอย่างรวนไป ควรจะดูแลในเบื้อต้นได้

5.ทักษะทางด้านทรัพยากรมนุษย์
สำนักงานใหญ่ ๆ หลายแห่ง มีปัญหาในเรื่องของพนักงานไม่ถูกกัน ทำงานร่วมกันไม่ได้ ติดต่อกันไม่เข้าใจเป็นต้น ดังนั้นหากเราเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ รู้จักการบริการทรัพยากรมนุษย์ ในเบื้องต้น จะมีประโยชน์ต่อการทำงานมาก รู้วิธีการติดต่อ หรือจัดการเมื่อต้องทำงานร่วมกับบุคคลในประเภทต่าง ๆ

6.ทักษะที่ได้รับการฝึกอบรมมาเป็นพิเศษที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงาน
ซึ่งทักษะดังกล่าวนี้ จะขึ้นอยู่กับว่าเราเรียนมาทางไหน และจะประกอบอาชีพอะไร เช่น พนักงานขาย ก็ควรจะได้รับการฝึกอบรมในเรื่องการขาย การดูแลลูกค้า นักประชาสัมพันธ์ อาจจะได้รับการฝึกอบรมเพิ่มเติมในเรื่องของภาษา เป็นต้น

7. ทักษะการจัดการด้านการเงิน
ผู้ ที่มีการวางแผนทางด้านการเงินที่ดี จะได้เปรียบ ปัจจุบันนี้ คนในวัยทำงานจำนวนมาก คำนึกถึงเรื่องของการเก็บออมเพื่อใช้ในช่วงเกษียณกันแล้ว ถ้าหากว่า เราไม่รู้จักบริการการเงินให้ดี จนถึงขั้นต้องกู้หนี้ ยืมสินแล้ว จะกลายเป็นจุดด่างในการงานไปเลยก็ว่าได้

8. ทักษะในเรื่องของการจัดการข้อมูล
เนื่อง จากว่ายุคนี้เป็นยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร การจัดการข้อมูลของตนเองที่มีอยู่จึงเป็นเรื่องสำคัญ ในยุคนี้ ข้อมูลที่รวดเร็ว สามารถช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างถูกต้อง ดังนั้น เราควรจะมีการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน ให้สามารถเข้าถึง เป็นหมวดหมู่ และค้นหาได้ง่าย

9. ทักษะในการบริหารธุรกิจ
เรา อาจจะไม่ต้องถึงขนาดไปเรียน MBA เอาแค่ว่า เข้าอบรมระยะสั้น หรือหาตำราในการบริหารมาอ่านสักหน่อย ก็น่าจะไหว เราจะเห็นได้ว่า ธุรกิจใหญ่ ๆ ที่ประสบความสำเร็จ เขาจะมีระบบการจัดการและการบริหารที่ดีด้วย ถ้าหากเรามีความรู้ในเรื่องการบริการ เราก็จะสามารถเข้าใจในนโยบายการจัดการต่าง ๆ ของทางบริษัทได้ด้วย



11 เคล็ดลับการทำงานอย่างมีความสุข

1. เริ่มงานอย่างสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ปลอดโปร่ง

2. ปรับปรุงบุคคลิกภาพ ให้เหมาะกับตำแหน่งและลักษณะงาน

3. สนทนาแลกเปลี่ยนกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานอยู่เสมอ

4. ศึกษาวิธีการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม

5. ใส่ความกระตือรือร้น และพลังวังชาลงไปในงาน

6. หมั่นบันทึกคำเตือนเพื่อกันลืม สำหรับตนเอง

7. หมั่นหาความรู้เพื่มเติมตลอดเวลา

8. หากต้องการคลายเครียด ลองหาหนังสือธรรมะมาอ่าน

9. อย่าจริงจังกับงานและชีวิตจนเคร่งเครียด

10. แบ่งงานออกเป็นส่วน ๆ แล้วลำดับความสำคัญของงาน

11. กำหนดเวลาพักผ่อน เวลาทำงาน และเวลานั่งสมาธิให้ชัดเจน

ทั้ง 11 เคล็ดลับการทำงานอย่างมีความสุขนี้ ทุกท่านสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันของเราได้ เพื่อให้เกิดความสุขเบิกบานใจโดยถ้วนหน้านะคะ และยิ่งไปกว่านั้น ในขณะทำงาน ถ้าเราได้นำใจของเรา มาวางไว้ที่ศูนย์กลางกายอย่างนิ่มนวลและเบาสบาย ได้ตลอดเวลา แล้วท่านก็จะพบว่า

ความเบื่อ เศร้า เหงา เซ็ง ความกังวลใจ ความทุกข์ใจ ไม่สบายใจใด ๆ ก็ไม่สามารถย่างกรายเข้ามารบกวนจิตใจคุณได้เลยค่ะ นอกจากความสุขความสบายที่หลั่งไหลเข้ามาสู่จิตใจคุณ ทดลองทำและสังเกตการเปลี่ยนแปลงดูนะคะ



6P เพื่อความสำเร็จในการทำงาน


6P เพื่อความสำเร็จในการทำงาน

1. P-Positive Thinking
คือ การมีทัศนคติที่เป็นบวก มองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ ไม่คิดในทางลบ เช่น หากเจอปัญหาในการทำงาน แทนที่จะนั่งกลุ้มใจคิดว่าคราวนี้ต้องแย่แน่ ก็ให้มองว่า นี่เป็นหนทางหนี่งที่จะฝึกฝนให้เราเก่งกล้ามากยิ่งขึ้น

2. P-Peaceful Mind
คือ การมีจิตใจที่สงบ เคยได้ยินคำพูดที่ว่า “จงใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว” หรือเปล่าคะ คำพูดนี้ใช้ได้ผลดีทีเดียว เวลาเกิดปัญหาขึ้น เราอย่าเพิ่งตื่นตระหนกไปกับปัญหานั้น การมีจิตใจที่สงบ มีสมาธิ จะทำให้เราเกิดปัญญาในการคิดหาวิธีแก้ปัญหา นอกจากนี้ ยังทำให้เรามีสุขภาพจิตที่ดีอีกด้วย

3. P-Patient 
คือ การมีความอดทน คาถาข้อนี้ก็สอดคล้องกับข้อที่แล้ว เพราะการที่เราจะมีจิตที่สงบได้ เราต้องรู้จักอดทนอดกลั้น ระงับอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่ดีต่างๆ หากสิ่งใดไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้ เราก็ต้องอดทนรอคอยให้ถึงช่วงเวลาของเรา นอกจากนี้ยังต้องอดทนต่อปัญหาและความยากลำบากในการทำงานด้วยนะคะ

4. P-Punctual
คือ การเป็นคนตรงต่อเวลา มนุษย์เราได้ถูกปลูกฝังให้เป็นคนมีวินัย รู้จักตรงต่อเวลามาตั้ง แต่ยังเป็นเด็ก เช่น การไม่มาโรงเรียนสาย ส่งการบ้านให้ตรงเวลา ในการทำงานก็เช่นกัน หากเรามาทำงานสาย เจ้านายคงไม่ชอบแน่ๆ แล้วยิ่งถ้าเราผิดนัดลูกค้า ผลเสียคงตามมาอีกเป็นกระบุง แม้แต่เวลายังรักษาไม่ได้ เจ้านายหรือลูกค้าคงไม่ไว้ใจให้เราทำงานใดๆ

5. P-Polite 
คือ การเป็นคนสุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน การเป็นคนสุภาพนอบน้อมจะทำให้มีแต่คนรักใคร่ และอยากช่วยเหลือนะคะยิ่งถ้าเรามีตำแหน่งใหญ่โตด้วยแล้ว ยิ่งต้องมีความสุภาพอ่อนน้อมเพราะจะทำให้ผู้อื่นยิ่งเกรงใจเรามากขึ้น ตรงกันข้าม การทำตัวกระด้างกระเดื่อง หยาบคาย หยิ่งยโส ย่อมเป็นที่รังเกียจของสังคม และไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย

6. P-Professional
คือ ความเป็นมืออาชีพในการทำงาน การที่เรามีหน้าที่อะไร เราก็ควรทำตัวให้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในหน้าที่นั้นๆ หมั่นแสวงหาความรู้ใหม่ๆ และหมั่นฝึกปรือฝีมือในการทำงานอยู่เสมอ เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด การทำงานอย่างมืออาชีพ จะเป็นที่ชื่นชมและไว้วางใจของเจ้านาย รวมไปถึงลูกค้าที่ย่อมจะพอใจ และไว้วางใจให้เราดูแลงานของเขาต่อไป

เว็บไซต์ หางานพิเศษมาทำที่บ้าน Admin

Blog : หางานพิเศษมาทําที่บ้าน เหมาะสำหรับบุคคลที่สนใจหางานทำที่บ้าน งานฝีมือ Handmade จากสิ่งประดิษฐิ์ต่างๆ สร้างรายได้เสริม จากงานพิเศษทำที่บ้าน สามารถเลือกงานทำเวลาไหนก็ได้

กดแชร์ให้พวกเราด้วยน๊าา

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Previous
Next Post »